March 31, 2006

คิดจากความว่าง - เดี่ยวได้ไม่ต้องเหงา



คิดจากความว่าง โดย ดังตฤณ

เดี่ยวได้ไม่ต้องเหงา


หนุ่มขี้เหงา เดินทางไปหาทางเอาชนะความเหงากลางป่า
พบชายลึกลับคนหนึ่ง บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น

คุณเป็นใคร?

"ผมเหรอ... ขออนุญาตยักไหล่ทีนึง...
เป็นแค่อีกคนที่จะต้องตายไป"

ชอบคิดชอบพูดเรื่องตายๆ บ่อยหรือ?

"ผมถูกสอนให้คิดถึงความตายบ่อยๆ และถึงแม้จะไม่ใช่สัปเหร่อ
ผมก็ได้เห็นความจริงที่ต้องยอมรับบ่อยๆ"

ถ้าศรัทธาความตายนัก จะเลี้ยงชีวิตไว้ทำไม?

"เพราะผมถูกสอนให้เตรียมตัวตายด้วยการมีชีวิตที่ดีที่สุด"

การมีชีวิตที่ดีที่สุดคืออะไร?

"มีขันติในการงดกรรมชั่ว
มีความอุตสาหะในการเพิ่มกรรมดี
มีความเข้าใจเส้นทางพ้นทุกข์"

ความรู้เรื่องกรรมวิบาก ทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร?

"ทำให้เห็นว่าผมตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกับคนอื่น
ความเห็นนั้นแหละที่ทำให้แตกต่างจากคนอื่น"

แปลว่าคนที่รู้เรื่องกฎแห่งกรรมวิบากสูงส่งกว่าคนอื่นหรือเปล่า?

"ผมไม่ได้ถูกสอนเรื่องกรรมวิบากอย่างเดียว
ผมถูกสอนให้มีสติแม้ขณะกำลังนั่งส้วม
และจากการมีสติตอนนั่งส้วมบ่อยๆ
ก็ทำให้ผมพบความจริงว่าตัวเองไม่ได้สูงส่งกว่าคนอื่นเลยจนนิดเดียว"

ถ้าวันหนึ่งคุณเดินเข้าห้องนอนแล้วเจอแบบว่าขาวสวยหมวยอึ๋ม
นอนแก้ผ้ารออยู่ คุณจะทำยังไง?

"ผมจะถามเธอว่าเข้าห้องผิดหรือเปล่า
ถ้าเธอตอบว่าไม่ผิด
ผมจะถามว่าอย่างนั้นเธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า"

เสร็จแล้วคุณจะยอมให้เธออยู่ในห้องต่อ หรือว่าไล่เธอออกจากห้อง?

"ผมไม่ชอบทำให้ใครเขิน
ถ้าต้องทำก็จะเลือกให้เขาเขินน้อยที่สุด
เพราะฉะนั้นผมจะเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องเอง"

อือม์... จิตใจคุณสูงส่งมากว่างั้นเถอะ?

"เปล่าเลย...
ผมรู้ตัวดีว่าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง
แต่ถูกสอนให้กลัวความเดือดร้อนจากการก่อเรื่องด้วยความไม่รู้
ถ้าเรื่องสมมติของคุณเป็นความจริง
คุณนึกว่าผู้หญิงเขาไม่ต้องมีเหตุผลที่น่าระแวงอยู่เบื้องหลังบ้างหรือ?"

เหงาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?

"นานแล้ว ตอนยังไม่ทราบวิธีอยู่กับตัวเองด้วยจิตใจที่เบิกบาน"

มันทำกันได้ด้วยเหรออย่างนั้นน่ะ?

"คุณอยากให้เกิดอะไรขึ้นก็มีวิธีทั้งนั้นแหละ
ใครจะทราบหรือไม่ทราบวิธีเท่านั้น"

อ๊ะ! ไหนบอกวิธีแบบสั้นที่สุด ง่ายที่สุดซิ

"รู้"

หือ? รู้อะไร?

"มีอะไรให้รู้ก็รู้"

ไม่เข้าใจ

"คุณต้องการวิธีง่ายๆ ใช้คำสั้นๆ ผมก็ตอบให้ตามต้องการไง
แล้วในที่สุดคุณก็พบใช่ไหมว่ามันเป็นไปไม่ได้
คนเราชอบนึกว่าการเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งชีวิตอาศัยคำเพียงไม่กี่คำ"

เอาล่ะ! อย่างนั้นขอคำอธิบายแบบละเอียดๆ ก็ได้

"ตอนเหงา คุณมีความเหงาให้รู้
ตอนฟุ้งซ่าน คุณมีความฟุ้งซ่านให้รู้
เมื่อคุณรู้อาการใดของจิต อาการนั้นจะหายไปให้ดูเหมือนพยับแดด"

ถ้ารู้ความเหงา รู้ความฟุ้งซ่าน แล้วมันไม่หายเหงา ไม่หายฟุ้งซ่านล่ะ
จะทำยังไง?

"ก็แปลว่าคุณต้องทำตามขั้นตอนแบบไม่ก้าวกระโดด"

โอเค! ไม่กระโดดก็ได้ ก้าวแรกทำยังไง?

"ผมถูกสอนให้เห็นว่าขณะนี้ลมหายใจกำลังเป็นอย่างไร
ถ้าบอกตัวเองเงียบๆ ได้ถูกว่าเข้าหรือออก
จิตจะเลิกมองไปข้างหลัง ไม่หวังไปข้างหน้า
หันมาอยู่กับปัจจุบันจริงๆ"

ต้องรู้ลมหายใจแค่ไหน ถึงจะพร้อมรู้อย่างอื่น?

"จิตคุณจะบอก ไม่ใช่ผมบอก"

ถ้านานเป็นปีๆ คงท้อเสียก่อนแน่

"ถ้ารู้บ้าง พักบ้าง สบายๆ แบบไม่คาดหวังผล
คุณจะเป็นคนมีความสุขทางใจที่ได้เป็นตัวของตัวเองเฉพาะหน้าไปเรื่อยๆ
คนเราต้องท้อที่จะมีความสุขทางใจไปเรื่อยๆด้วยหรือ?"

พอรู้ลมหายใจจนมีความสุขทางใจ จะให้ทำอะไรต่อ?

"รู้ความสุข มองตามจริงว่าความสุขไม่เที่ยง
เดี๋ยวสุขมาก เดี๋ยวสุขน้อย
แล้วแปรเป็นทุกข์น้อยบ้าง ทุกข์มากบ้าง
มันขึ้นอยู่กับว่าใจคุณตั้งอยู่กับเหตุแห่งสุข หรือเหตุแห่งทุกข์"

พอเห็นชัดว่าสุขทุกข์ไม่เที่ยง จะให้ทำอะไรต่อ?

"นั่นแหละ คุณพร้อมจะรู้จักวิธีใช้ชีวิตอย่างไม่เหงาแล้ว
พอเหงาก็รู้ว่าเหงา
พอฟุ้งซ่านก็รู้ว่าฟุ้งซ่าน
เมื่อจิตตื่นรู้ตลอดเวลา
คุณจะไม่อ่อนแอแล้วแช่จมอยู่กับอาการชั่วคราวใดๆของจิต
แต่จะเห็นมันเหมือนลมหายใจ
เห็นมันเหมือนสุขทุกข์
ที่เกิดขึ้นด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง
แล้วต้องดับลงเป็นธรรมดา"

ความฟุ้งซ่านต้องมีเหตุด้วยหรือ? เห็นแต่ว่าอยู่ดีๆ มันก็ฟุ้ง

"คุณไม่ได้อยู่ 'ดี' จริงน่ะซี
คุณอยู่เฉื่อยๆ เรื่อยเปื่อยแบบขาดสติ
เป็นการใช้ชีวิตอยู่อย่าง 'ไม่ดี' ต่างหาก
เหตุคือความขาดสตินั้นแหละทำให้ฟุ้งซ่าน"

โอย! แค่ฟังก็เหนื่อยแล้ว แปลว่าต้องพยายามมีสติไปจนชั่วชีวิตหรือนี่?

"ไม่หรอก การปฏิบัติอย่างนี้จะนำไปสู่ชีวิตใหม่ที่คุณไม่รู้จัก
ถ้าฝึกมีสติไปเรื่อยๆ คุณจะฝืนพยายามน้อยลงเรื่อยๆ จนเป็นอัตโนมัติ
แล้วในที่สุดคุณจะมีสติโดยไม่ต้องตั้งสติ"

จุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติแบบนี้คืออะไร?

"ที่สุดทุกข์"

เอาอะไรวัด?

"ไม่เป็นทุกข์ทางใจอีก"

หมายถึงพระนิพพาน?

"ใช่"

ฉะนั้น ควรหวังพระนิพพานเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติใช่ไหม?

"ผมถูกสอนให้ 'รู้จัก' พระนิพพานเพื่อความ 'เข้าใจ' จุดหมายปลายทาง
แต่ไม่ได้ถูกสอนให้หวังว่าจะต้องถึงซึ่งนิพพานเมื่อนั่นเมื่อนี่"

ใครสอนคุณ?

"ผู้ก่อตั้งพระพุทธศาสนา สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้านามว่าพระโคดม"

ถ้ายังต้องทุกข์

อย่างไรก็เป็นแค่คนธรรมดาอีกคนหนึ่ง

ถ้าดับทุกข์ได้

อย่างไรก็เป็นแค่อีกคนหนึ่งที่จะต้องตายไป







ที่มา: http://www.nationweekend.com/2006/02/10/NW14_469.php
music: Like a lover by Earl Klugh


3 comments:

o^.^oS Nu+Tarn said...

ชอบอ่ะพี่อ้อม เข้าใจง่ายดี แต่ยังอ่านไม่จบเลย เดี๋ยวมาอ่านต่อ

ขอบคุณค่ะที่เอาอะไรดีๆมาฝาก :D

Anonymous said...

โอ้ อันนี้เลยที่หาอยู่....... ไม่รู้จัอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ยังไง ปกติไม่เคยเหงา พอเค้าถามว่าทำไงให้ไม่เหงาก้ไม่รู้จะตอบว่าไง เอาไปฝากคนอื่นล่ะดีก่า ขอบคุณมาก คร๊าบ ว่าแล้วว่าต้องไม่เสียเที่ยวที่เข้ามาอ่าน อิอิ

ขอพลังจงอยู่คู่ตัวท่าน

~*aom*~ said...

ดีใจที่ชอบจ้า :)
นำไปฝากคนอื่นได้ตามสบายเลยนะคะ :D