June 26, 2007

ผาซ่อนแก้ว

อ้อมเพิ่งกลับจากไปภาวนาที่ผาซ่อนแก้วมาค่ะ :)
ไปกันทั้งครอบครัวเลย ทั้งพ่อ แม่ อ้อม อ๊อฟ
ที่นั่นสงบแล้วก็สวยมาก..
อ้อมถ่ายรูปจากมือถือเอาไว้ด้วย แต่ไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
ลองดูแล้วกันนะคะ :)


วันแรกที่ไปถึง เป็นวันพระพอดี
เย็นนั้นเลยมีชาวบ้านขึ้นมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นกันที่ศาลาวัดค่ะ
ในรูปคือองค์พระประธาน
มีเบาะกับหนังสือสวดมนต์ที่เตรียมไว้สำหรับผู้มาร่วมสวดมนต์ค่ะ :)
เห็นชาวบ้านมาสวดมนต์ที่วัดแล้วรู้สึกดีๆอยู่ในใจลึกๆ
เสียงสวดมนต์ที่ฉะฉานเป็นตัวบอกว่าพวกเค้าสวดมนต์อย่างนี้กันเป็นประจำ
ย้อนกลับมามองตัวเอง อยู่ที่บ้านแทบจะไม่ได้สวดมนต์เลย
สวดแค่บทอิติปิโส ต่อด้วยพาหุงบางทีก็ยังอิดออด งอแงเพราะขี้เกียจอยู่เลย
จะได้สวดมนต์เป็นเรื่องเป็นราวกับเค้าบ้างก็เวลาได้มาภาวนาอยู่ที่วัดนี่เอง


อันนี้เป็นรูปศาลาตอนกลางคืน
คืนนั้นหลังสวดมนต์ทำวัตรเสร็จ เราก็เดินจงกรมกันที่หน้าศาลาต่อจนสามทุ่มครึ่งแล้วแยกย้ายกันไปนอนค่ะ


แล้วตีสี่เราก็ตื่นมาเดินจงกรมกันต่อ :)
เดินตั้งแต่ฟ้ายังมืดๆ มองไม่เห็นอะไรนอกจากดาวเต็มฟ้า
จนฟ้าค่อยๆสว่าง ได้ยินเสียงไก่ขัน นกร้อง
รูปข้างบนถ่ายตอนประมาณตีห้ากว่าๆค่ะ..
อ้อมชอบท้องฟ้าที่นี่เวลานี้ที่สุด
ตื่นมาทุกวันก็ได้เห็นฟ้าสว่างไม่เหมือนกันซักวัน..
มันสะท้อนให้เห็นว่าทุกอย่างมีความเปลี่ยนแปลงเป็นธรรมดา
ศิลปะที่น่าทึ่งที่สุดคือธรรมชาติจริงๆ :)


ระเบียงหน้าศาลา..
ที่เดินจงกรมเวลาเช้ามืดกับกลางคืนของเราค่ะ


ศาลามุมเดิมกับที่ถ่ายเมื่อตอนกลางคืน
เวลาตีห้าครึ่งค่ะ


บรรยากาศตอนเช้าของอีกวัน :)



เช้านั้นเมฆค่อนข้างเยอะ
มองไปไกลๆ เหมือนเป็นทะเลเมฆเลยค่ะ :)


จากระเบียงศาลามองออกไปทางซ้าย


มองออกไปทางขวา..
เห็นบันไดเดินลงเขา ข้างล่างเป็นกุฏิพระและกุฏิสำหรับผู้ปฏิบัติเข้มค่ะ


ตรงนี้เป็นที่นั่ง+เดินจงกรมของอ้อมตอนกลางวันแดดเปรี้ยงๆค่ะ
เดินจากมุมที่ถ่ายทะแยงไปถึงอีกมุมที่นั่งฝั่งโน้น


ถ่ายจากอีกมุมย้อนกลับมา..
ที่เห็นเป็นลายๆบนพื้น เพราะว่าที่ตรงนั้นไม่มีหลังคาคลุมค่ะ


สิ่งที่คลุมอยู่บนหัวคือไม้เลื้อยต้นกะทกรก
หรือเรียกให้สวยคือต้นเสาวรสที่ลูกดกมากๆๆๆๆ
ไม่น่าเชื่อว่าไม้เลื้อยที่ให้ร่มรำไรแค่นี้สามารถกำบังแดดเผาได้อย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ
เดินอยู่ตรงนี้ ไม่รู้สึกร้อนเลย แล้วลมเย็นๆก็พัดเข้ามาตลอด :)



ถ่ายจากใต้ร่มกะทกรกออกไปค่ะ :)
ก่อนเดินจงกรม อ้อมจะมานั่งตรงนี้ก่อน
นั่งขัดสมาธิหันหน้าออกไปข้างนอก ให้ลมตีหน้า
วันแรกๆ มันให้ความรู้สึกเอื่อยๆ ลอยๆ เคลิ้มๆ
มันจะไหลออกไปกับนก กับผีเสื้อ กับเมฆ กับกลิ่นดอกไม้หอมๆเรื่อยเลยค่ะ..
วันหลังๆค่อยดีขึ้นมาบ้าง..
สถานที่สวยเกินไป บางทีอาจจะไม่ค่อยเหมาะกับการภาวนาก็เพราะอย่างงี้รึเปล่านะคะ ^_^;


ตรงนี้เป็นทางเดินจงกรมอีกที่นึง แต่อยู่กลางแจ้ง
อ้อมมาเดินตรงนี้ตอนช่วงสายๆ ก่อนที่แสงอาทิตย์จะแรงเกินไป
สองข้างจงกรมมีดอกไม้หลากชนิดมากค่ะ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปหมด


เดินตามบันไดลงเขาไปด้านล่าง..





..ก็ยังมีสถานที่ให้มานั่งสมาธิท่ามกลางธรรมชาติได้อยู่อีกหลายที่เลยค่ะ :)



สรุปแล้วไปภาวนาที่ผาซ่อนแก้ว
อ้อมประทับใจความสวยงามของธรรมชาติที่นี่มากๆค่ะ :)
ส่วนเรื่องความสัปปายะ..
อ้อมค่อนข้างโชคดีที่ตอนที่ไปมีแค่ครอบครัวอ้อมพักอยู่คณะเดียว
เลยสามารถเลือกสถานที่เดินจงกรมได้ตามสบายเลย..
แต่ถ้าเข้ามาพักร่วมกับคณะอื่นอีกหลายๆคน
อ้อมก็ยังนึกไม่ค่อยออกว่าจะเดินกันยังไงเหมือนกันนะคะ
อ้อมรู้สึกว่าลานสำหรับเดินจงกรมที่นี่มีไม่ค่อยมาก..
(หรืออ้อมจะยังสำรวจไม่ครบก็ไม่รู้นะคะ ^_^;)
ทางยาวๆที่สามารถเดินวนๆได้ไม่เวียนหัวก็เห็นจะมีบนศาลากับระเบียงศาลา
ซึ่งตอนกลางวันก็คงจะเดินไม่ไหว
เพราะตรงระเบียงแดดเผามากๆ ส่วนในศาลาก็จะร้อนอบ
เวลากลางวันเลยเหมือนไม่ค่อยจะมีที่สำหรับเดินเท่าไหร่นะคะ
เพราะต้นไม้ที่นี่ดูจะเป็นไม้ดอกซะส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีร่มไม้ใหญ่
แล้วก็เป็นทางลาดขึ้นลงภูเขา ไม่ได้เป็นทางเรียบน่ะค่ะ
แต่สำหรับคนที่ถนัดนั่งสมาธิมากกว่าเดิน ที่นี่น่าจะเหมาะมากนะคะ
เพราะดูแล้วอ้อมรู้สึกว่าจะมีสถานที่เหมาะไปหลบนั่งสมาธิอยู่เยอะเลย :)


ส่วนเรื่องห้องพัก แหะๆ ^^; รู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่น่ะค่ะ
อ้อมอาจจะ standard สูงไปนิด ^^;
เพราะก่อนหน้าจะมาที่นี่ ชีวิตนี้เคยไปอยู่วัดมาอีกที่เดียว
ซึ่งที่นั่นสะอาดมากกกกกกถึงมากที่สุด
ก็เลยเกิดการเปรียบเทียบไปหน่อยนึง ^^;
แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกค่ะ :)
แต่แนะนำไว้ว่าเวลาไปพักถ้าสามารถเตรียมเสื่อแล้วก็ฟูกที่นอนไปเองก็จะดีนะคะ
ของอ้อมนี่เอาฟูกไปเอง แต่ไปใช้เสื่อแล้วก็ผ้านวมของที่นั่นปูรองข้างล่างน่ะค่ะ
คิดว่าอาจจะมีแมลงตัวอะไรที่ซ่อนอยู่ เพราะเสื่อกับผ้านวมนี้ถูกเก็บไว้ในตู้อับๆในห้อง
คุณแม่เลยถูกแมลงกัดแพ้มาเต็มหน้าเต็มคอเลยค่ะ ^^;
เลยคิดว่าถ้าไป เตรียมเครื่องนอนทุกอย่างไปเองเลยน่าจะ save สุด
แล้วที่ลืมไม่ได้เลยคือพวกตะไคร้หอมกันยุง ยาหม่อง แล้วก็ยาทากับยากินแก้แพ้นะคะ :)

โพสต์นี้ยาวมากๆแล้ว ^^;
จบ review ผาซ่อนแก้วแค่นี้แล้วกันนะคะ :)
ไม่รู้ว่าจะได้ไปชมท้องฟ้ายามเช้า กับสวนดอกไม้สวยๆที่นั่นอีกเมื่อไหร่..
แต่เจดีย์เสร็จเมื่อไหร่ คงจะได้ไปอีกครั้งแน่ๆนะคะ ^__^

9 comments:

Anonymous said...

หู้ อนุโมทนานะครับ

Anonymous said...

มาเยีี่่ยมครับ
บุญรักษานะครับ

~*aom*~ said...

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมนะคะ :)
บุญรักษาคุณหนามด้วยเช่นกันค่ะ ^_^

Anonymous said...

คุณอ้อม ขอบคุณสำหรับข้อมูล ทั้งคำอธิบายและภาพประกอบค่ะ ทำให้เข้าใจได้ดีว่าจะเหมาะกับการไปภาวนาของตัวเองหรือไม่ โดยไม่ต้องเดินทางไปดูเอง
ขออนุโมทนากับความปรารถนาดีต่อเพื่อนธรรม และความพากเพียรในการปฏิบัติธรรมค่ะ เจริญในธรรม และขอเป็นกำลังใจในการสืบทอดพระศาสนาค่ะ

Anonymous said...

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันค่ะ

กำลังคิดจะไปอยู่พอดี ข้อมูลจากประสบการณ์คุณอ้อม มีประโยชน์มากค่ะ

บุญรักษานะคะ

~*aom*~ said...

อนุโมทนาด้วยนะคะ :)
บุญรักษาคุณพัทธเช่นกันค่ะ ^_^

anne said...

อนุโมทนาด้วยค่ะ และ ขอบคุณสำหรับราบละเอียดที่เป็นประโยชน์มากจริง ๆ ค่ะ รบกวนบอกสถานที่ๆ คุณอ้อมเคยไปที่บอกว่าสะอาดมาก ได้ไหมค่ะจะได้ไปบ้างค่ะ

Jaliny said...

อยากสอบถามคุณอ้อมค่ะว่า มีห้องน้ำในที่พักไหมคะ เพราะคิดว่าจะพาคุณพ่อไปปฏิบัติธรรมด้วย ติดตรงว่าคุณพ่อไปผ่าตัดลำไส้มา(เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่) ก็เลยมีความจำเป็นที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืนค่ะ ขอบคุณค่ะ

~*aom*~ said...

ตอนอ้อมไป อ้อมไม่ได้พักอยู่ในกุฎิแยกน่ะค่ะ
พักอยู่ที่ห้องพักใต้ศาลาเลย
ห้องพักตรงนั้นไม่มีห้องน้ำในห้องนะคะ
แต่ในกุฎิแยกนี่อ้อมไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ

ยังไงคุณ Jaliny ลองสอบถามที่มูลนิธิบ้านอารีย์ดูนะคะ :) ที่นั่นจะมีจัดคณะไปภาวนาที่ผาซ่อนแก้วทุกเดือนค่ะ 02-333-3366

อนุโมทนาด้วยนะคะ _/\_