May 26, 2005

นักกีฬาตัวน้อย

มาเล่าเรื่องแข่งปิงปองต่อตามสัญญา..
tripที่ไปเมื่อweekendที่ผ่านมา จริงๆก็จะไปเชียร์พี่ชาญชัยแข่งปิงปองเนี่ยแหละ..
ไปนั่งดูเค้าแข่งอยู่หนึ่งวันเต็มๆก็เห็นอะไรมาหลายอย่างเหมือนกัน..

ที่ติดใจเรามากที่สุดเห็นจะเป็นนักกีฬาตัวน้อยคนนี้..
Image hosted by Photobucket.com

อายุเค้าน่าจะประมาณ6-7ขวบเอง..
จริงๆก็มีเด็กๆมาแข่งที่tournamentนี้หลายคน..
แต่เราสะดุดตาน้องคนนี้ที่สุด..
เพราะเค้าตัวเล็กสุด แล้วท่าทางเค้ามีความตั้งใจกับสิ่งที่เค้าทำเกินอายุไปมากๆเลย
เรานั่งดูเค้าเล่นอยู่นานมากกกกก..
แบบว่าเค้าตัวเล็กมากเลยอ่ะ.. หัวโผล่พ้นขอบโต๊ะมานิดเดียวเอง..
แต่ลีลาท่าทางเค้่านี่สุดๆไม่แพ้ผู้ใหญ่หลายๆคนที่มาเป็นคู่ต่อสู้เค้าเลย..

แรกๆเริ่มต้นก็เห็นเค้าเล่นสนุกดี ดูท่าทางตั้งใจมุ่งมั่นมากๆ..
ผ่านไปหลายชั่วโมง.. แข่งผ่านไปหลายmatch หันกลับมาดูอีกที..
เจ้าหนูน้อยเริ่มสีหน้าไม่ค่อยดี.. ^^'
เริ่มมีอาการหงุดหงิดเวลาเสียคะแนน..

พี่ชาญชัยบอกว่า กีฬาปิงปองเนี่ย เป็นกีฬาที่ผู้ใหญ่แข่งกับเด็กได้..
เด็กๆจะได้เปรียบผู้ใหญ่ตรงกำลังกายและความไว..
ส่วนผู้ใหญ่จะได้เปรียบเด็กตรงกำลังใจและการควบคุมอารมณ์..

เราดูน้องคนนี้เล่นๆไป.. พอเสียเข้าหลายๆลูก.. เค้าก็เริ่มปาดน้ำตา..
พอเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ได้.. ก็เล่นเสียอีก..
เค้าดูเครียดมาก.. เราดูแล้วอดป๋องแป๋งไม่ได้เลยอ่ะ^^'สงสาร..
เค้าพยายามเล่นต่อ..
จนไม่ไหว.. เสียแล้วเสียอีก..
เค้า็วิ่งออกไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่ขอบสนาม.. ร้องไห้..
แม่เค้าก็แค่ส่งผ้าให้เช็ดน้ำตา..
เช็ดเสร็จ ก็วิ่งออกไปเล่นต่อ..
เค้าก็เสียอีก..
ก็วิ่งกลับมาร้องไห้.. สลับไปสลับมาอย่างนี้อยู่หลายทีเลย ^^'
คู่แข่งเค้าเป็นเด็กวัยรุ่นแล้วล่ะ น่าจะเรียนมหาลัยแล้ว..
ดูเค้าก็สงสารน้องอยู่เหมือนกัน ^^'
แต่ทำไงได้.. การแข่งขันก็ต้องเป็นการแข่งขัน..
สุดท้าย คงจะทนไม่ไหว..
น้องเค้าขอเวลานอก วิ่งออกมานอกสนาม ปีนขึ้นไปนั่งตักพ่อเค้า ซบไหล่แล้วร้องไห้..

อืมม...
เราเห็นแล้วสงสารนะ..
เราก็รู้ว่ามันก็เป็นสิ่งนึงที่เค้าต้องเรียนรู้ว่าการแข่งขันมันมีแพ้มีชนะ..
แต่เราก็อดคิดไม่ได้ว่า เด็กตัวแค่นี้เอง ทำไมเค้าถึงต้องมาอยู่ภายใต้ความกดดันอะไรมากมายขนาดนี้..
มันมากเกินไปสำหรับเค้ารึเปล่า..
กว่าเด็กคนนี้จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เค้าต้องแบกรับความกดดันมากมายอย่างนี้อีกกี่ครั้ง..
เด็กตัวเล็กๆจะมีกำลังใจสู้กับความกดดันได้ซักแค่ไหน..
เค้าคงจะมีความเสี่ยงกับการกลายเป็นโรคเครียดมากมายกว่าเด็กธรรมดาหลายเท่าเลย..

อืมม เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าจะเป็นอย่างที่เราคิดรึเปล่า..
เราก็รู้ว่าเค้าก็คงจะได้อะไรไปจากการแข่งกีฬาอย่างนี้ไปเยอะเหมือนกัน..
ข้อเสียมันก็คงต้องมีบ้าง..
พ่อแม่เค้าก็คงจะต้องชั่งดูแหละว่าข้อดีกับข้อเสียเป็นยังไง คุ้มกันรึเปล่า..
เราก็แค่เห็นแล้วอดคิดเป็นห่วงไม่ได้เท่านั้นเอง..
เห็นแล้วก็คงต้องวางอุเบกขา..
เส้นทางกรรมของใครก็ของคนนั้น..

1 comment:

o^.^oS Nu+Tarn said...

การเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพ คนแต่ละคนก็จะมี limit ของตัวเองนะ แต่การแข่งกีฬามันไม่เหมือนกัน มันต้องเล่นเกิน limit ที่จะทำให้แข็งแรง ต้องเอาศักยภาพสูงสุดของตัวเองออกมาเพราะเราไม่รู้ว่าคู่แข่งนั้นมีศักยภาพที่สูงสุดอยู่ที่ไหน

การแข่งขันกีฬาระหว่างหมู่คณะก็อ้างว่าเป็นการแข่งเพื่อเชื่อมสัมพันธ์

แต่ดูนักกีฬาสิ ดูโค้ชสิ เครียดกันขนาดนี้ มันเปลี่ยนแปลงไปเป็นการเอาชนะแล้วค่ะ มันเป็นความต้องการเอาชนะ เพื่อชื่อเสียง เพื่อเกียรติยศ ทั้งของชาติและของตัวเอง

โค้ชก็เครียด เพราะโดนจ้างมาให้ฝึกซ้อมนักกีฬาให้ชนะ

นักกีฬาก็เครียด เพราะอยากจะทำให้ได้ อยากจะชนะ อยากพิสูจน์ว่าตัวเองมีความสามารถเหนือคนอื่น อยากจะทำให้ทุกคนได้ชื่นชม อยากจะเป็นที่หนึ่ง อยากจะยืนอยู่ตรงที่ไฟฉายส่องมา เอาความภาคภูมิใจมาให้ครอบครัว

แต่มันคุ้มหรือเปล่านะ เล่นเสร็จจากที่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก กลับต้องมานอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน หรือมานั่งเครียดถ้าวุฒิภาวะและกำลังใจยังไม่ดีพอ

ไม่ง่ายเลยนะเป็นนักกีฬาเนี่ย ต้องแข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจเลยล่ะ

ถ้าเราเป็นแม่แล้วลูกเราต้องมานั่งเครียด ต้องปวดทั้งกายใจอย่างนี้ เราให้เค้าเลิกดีกว่า ต้องบอกเค้าให้เข้าใจว่า

แม่อยากให้หนูเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง เรียนรู้ตามวัย มีพลานามัยที่แข็งแรงพอควร

แม่ไม่หวังจะให้หนูเป็นที่หนึ่ง ไม่อยากให้หนูอยู่ท่ามกลางไฟฉายส่องมา ให้ทุกคนชื่นชม แต่หลังฉากแล้วหนูต้องมาเจ็บปวดถึงขนาดเข้าโรงพยาบาล หรือถ้าหนูต้องแลกมันมาด้วยชีวิต

เพราะคนที่เจ็บมากที่สุด ไม่ใช่หนูหรอก

แต่มันเป็นแม่ต่างหาก

เราว่าลูกเราน่าจะสงสารเรานะ ถ้าไม่สงสารตัวเอง :P